สาเหตุหลักน้ำหนักไม่ลง เมื่อกินคีโต ห้ามพลาด!!
สาเหตุหลักน้ำหนักไม่ลง เมื่อกินคีโต ห้ามพลาด!!
การลดน้ำหนักด้วยการทานอาหารคีโต เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คุณไม่จำเป็นต้องอดอาหาร เพียงเลือกรับประทานอาหารให้ถูกต้อง โดยการลดคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล แป้ง หรือไขมันไม่ดี แล้วหันมารับประทานโปรตีนกับผักใบเขียว รวมไปถึงไขมันดี ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นผลได้ดีมาก ๆ สำหรับบางคน แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ทำแบบเดียวกัน แต่กลับไม่ลดเลย ซึ่งวันนี้เราจึงนำสาเหตุหลัก ๆ ของการทานคีโตแต่น้ำหนักไม่ลดมาฝาก ตามมาดูกันเลย
สาเหตุการกินคีโตแล้วอ้วน
- การรับประทานไขมันที่มากเกินไป
แน่นอนว่าไขมันมีแคลอรี่ที่สูง ยิ่งทานมากเท่าไหร่ น้ำหนักของเรายิ่งไม่ลดลง คอนเซปต์ที่บอกว่าการยิ่งทานยิ่งผอม อันนี้ไม่มีอยู่จริงนะคะ ถึงแม้ว่าเราจะรับประทานอาหารแบบคีโตเจนิคไดเอท ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะรับประทานไขมันเท่าไหร่ก็ได้
ซึ่งคอนเซปต์ของการทานคีโตเจนิคไดเอทนั้น ก็คือ การฝึกให้ร่างกายของเราใช้ไขมันเก่งมากขึ้น เพื่อดึงไขมันจากร่างกายของเราออกมาใช้ ดังนั้น สิ่งที่ควรทำมากที่สุดเมื่อน้ำหนักไม่ลดคือ การรีเช็คไขมันของตัวเองว่า รับประทานมากเกินไปหรือเปล่า ถ้าใช่ ควรลดไขมันค่ะ
- การหลุดคีโตแบบไม่รู้ตัว
เป็นการรับประทานคาร์บหรือคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป จนหลุดคีโตแบบไม่รู้ตัว ซึ่งเราก็ยังคงทานไขมันเหมือนตอนที่อยู่ในคีโตซิส ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่น่าเป็นห่วง เพราะการรับประทานคาร์บ ผสมกับไขมัน สามารถสร้างปัญหาให้กับน้ำหนักของเราได้นั่นเอง ดังนั้น สำคัญมาก ๆ เลยสำหรับเพื่อน ๆ ที่หลุดคีโตซิสแบบไม่รู้ตัว
ยกตัวอย่าง
หากใครที่รับประทานถั่วมากเกินไป อันนี้ก็สามารถทำให้เพื่อน ๆ หลุดคีโตได้ หรือสำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบทานเบเกอรี่ แต่เป็นร้านที่ไม่ได้มาตรฐาน สำหรับชาวคีโตเจนิค อันนี้เพื่อน ๆ จะต้องระวังเป็นพิเศษเลยนะคะ ดังนั้น เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ซื้อเบเกอรื่จากร้านที่ไว้ใจได้ หรือเชื่อถือได้ และอย่าลืมตรวจวัดค่าคีโตนอย่างสม่ำเสมอด้วย เพราะสิ่งที่จะตามมาคือ เมื่อร่างกายหลุดจากคีโตซิสไปแล้ว ร่างกายของเราจะหยุดการเผาผลาญไขมัน และเก็บไขมันได้เก่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้เข้าคีโตอีกค่ะ
บทสรุปส่งท้าย
ก็จบไปแล้วนะคะ สำหรับเทคนิค และทริปง่าย ๆ สำหรับใครที่น้ำหนักไม่ลง และยังเพิ่มขึ้นอีก ต้องบอกก่อนเลยว่าการทำคีโตไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนสามารถทำได้ เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพร่างกายต่าง ๆ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น เพื่อน ๆ ควรศึกษาหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนจะดีที่สุด เพื่อความสบายใจของตัวคุณเอง
