เช็คดู!! คุณกำลังเป็น “โรคต้อกระจก” หรือไม่
เช็คดู!! คุณกำลังเป็น “โรคต้อกระจก” หรือไม่
ดวงตา คือ อวัยวะบนร่างกายที่สำคัญอย่างมาก เพราะเราต้องใช้ดวงตาในการมองเห็น ถ้าหากสุขภาพตาไม่ดีจะส่งผลเสียต่อการมองเห็นของเรา และแน่นอนว่าถ้าดวงตามีปัญหาในการมองเห็นจะส่งผลกระทบต่อการทำงานและการใช้ชีวิต
ในปัจจุบันที่จะทำให้คุณลำบากอย่างมาก และในทิศทางที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ตาบอด ซึ่งคงไม่มีใครอยากจะเป็นเพราะจะทำให้คุณช่วยเหลือตนเองได้อย่างยากลำบาก และวันนี้เราได้หยิบเอาเรื่องราวที่น่าสนใจของโรคต้อกระจกมาแนะนำกัน ไปดูกันเลยว่ามีรายละเอียดอะไรกันบ้าง
- เกิดปัญหาการมองเห็นในช่วงเวลากลางคืน ผู้ที่กำลังเป็นโรคต้อกระจกสามารถสังเกตได้ง่ายๆ จากการขับรถในช่วงกลางคืน คุณจะไม่สามารถมองเห็นถนนหนทางได้ชัดเจน จนบางครั้งทำให้ไม่สามารถขับรถในเวลากลางคืนได้เลย และทางที่ดีควรให้ผู้อื่นขับแทนเพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
- ดวงตาพล่ามัว มองไม่ชัด ผู้ที่เป็นโรคต้อกระจกจะมีวิสัยทัศน์และการมองเห็นที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่มองเห็นจะเป็นภาพเลือนลางคล้ายภาพวาดสีน้ำ แน่นอนว่าส่งผลต่อบุคลิกภาพและการทำงาน
- คุณภาพในการมองเห็นสีลดน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ แต่รู้ตัวอีกทีก็จะมองเห็นสิ่งรอบตัวไม่สดใสเหมือนเดิม
- มีความไวต่อแสง โดยเฉพาะแสงจ้า เมื่อดวงตากระทบกับแสงจ้าจะเกิดอาการปวดตาขึ้นมาทันที ไม่สามารถสู้แสงจ้าได้ แน่นอนว่าอาการเช่นนี้จะไปรบกวนการมองเห็นทำให้การมองเห็นลดลงกว่าเดิม
- ไม่สามารถขับขี่รถในช่วงกลางคืนได้ เพราะในช่วงเวลากลางคืนจะต้องมีการเปิดไฟหน้ารถ เพื่อส่องสว่างให้เห็นพื้นถนน แต่เมื่อเจอการสวนกันของรถบนถนนและไฟส่องตา ผู้ที่เป็นโรคต้อกระจกจะมีอาการปวดหัว ปวดตา ทันที ซึ่งทางที่ดีผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์อย่างทันที
- ใส่คอนแทคเลนส์และแว่นสายตาเป็นประจำ ก็ทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคต้อกระจกได้ เพราะการเปลี่ยนสายตาอย่างรวดเร็วนั่นเอง ทางที่ดีควรเข้าปรึกษาและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด และถ้าหากพบตั้งแต่แรกเริ่มก็จะทำให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
- อ่านหนังสือที่มีขนาดเล็กไม่ได้ เมื่ออ่านหนังสือ เช่น ตัวฉลากยา ที่มีขนาดตัวอักษรเล็กจะไม่สามารถอ่านได้ ภาพที่เห็นจะเบลอรวมกัน นี่ก็คือ อาการที่บ่งบอกว่าคุณมีความเสี่ยงที่เป็นโรคต้อกระจก
- มองเห็นภาพซ้อนกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาการที่อยากให้สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคต้อกระจก แต่ความจริงแล้วอาการภาพซ้อนก็มีสาเหตุมาจากโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น โรคเนื้องอกในสมอง เบาหวาน เส้นเลือดตีบ เป็นต้น
ทางที่ดีหากคุณรู้สึกถึงอาการที่เปลี่ยนแปลงไปของดวงตา ควรรีบไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อขอคำปรึกษาและหาทางแก้ไขเสียตั้งแต่เริ่มต้น หากตรวจพบเจอความผิดปกติก็จะมีวิธีการรักษาอย่างรวดเร็วและทันท่วงที ซึ่งจะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นทุเลาเบาลงนั่นเอง และที่สำคัญก็คือ ไม่ควรปล่อยอาการที่น่าเป็นห่วงเหล่านี้ทิ้งไว้ เพราะถ้าหากมีอาการหนักขึ้นอาจส่งผลให้ดวงตาสูญเสียการมองเห็นได้